ปตท.สผ.โชว์กำไรเพิ่ม40%

ปตท.สผเผยผลประกอบการจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ขยายธุรกิจ ส่งผลให้ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,569 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากปริมาณการขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการและเพิ่มการลงทุนในแหล่งบงกช และยังส่งผลให้อัตราส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมต่อการผลิต (R/P ratio) เพิ่มขึ้นเป็น 7.5 ปีสร้างการเติบโตให้กับบริษัทและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศในระยะยาว โดยในปี 2563 ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการขายอีก 11% 

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด (มหาชนหรือ ปตท.สผเปิดเผยว่าบริษัทมีรายได้รวมในปี 2562 ที่ 6,413 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า198,822  ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ซึ่งมีรายได้รวม 5,459 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 176,687 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 โดยปัจจัยหลักมาจากการที่บริษัทมีปริมาณการขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโครงการบงกช การเข้าซื้อกิจการของบริษัท เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย และบริษัท พาร์เท็กซ์ โฮลดิ้ง บี.วีซึ่งส่งผลให้ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยในปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 350,651 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับ 305,522 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2561 ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 46.66 ดอลลาร์ สรอต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2561 มาอยู่ที่ 47.24 ดอลลาร์ สรอต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ 

จากปริมาณการขายที่เติบโตขึ้นในปี 2562 ส่งผลให้ ปตท.สผมีกำไรสุทธิ 1,569 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า48,803 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากปี 2561 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 1,120 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 36,206 ล้านบาททั้งนี้ ปตท.สผมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในปี 2562 รวม 3,540 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 102,878 ล้านบาทและมีระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ร้อยละ 71

นายพงศธร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจ (Expand) ซึ่งมีทั้งการเข้าซื้อกิจการและการชนะการประมูลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราการขายปิโตรเลียมของ ปตท.สผเพิ่มขึ้นเป็น 350,651 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันนั้น นับเป็นปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยสูงสุดจากที่มีการผลิตมาของ ปตท.สผนอกจากนี้ แผนกลยุทธ์ดังกล่าว ยังมีผลให้ปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว(P1) ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 677 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เป็น 1,140 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 68 เมื่อเทียบกับปี 2561 ซึ่งส่งผลให้ R/P ratio เพิ่มขึ้นจาก 5 ปี เป็น 7.5 ปีอีกด้วย 

นอกจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว เรายังสามารถเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมได้ตามเป้าหมาย ด้วย โดยจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตหากมีการสำรวจพบและพิสูจน์ทราบปริมาณสำรองในพื้นที่สำรวจต่าง  ซึ่งจะเป็นการสร้างการเติบโตให้กับ ปตท.สผไปพร้อม  กับเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทยในระยะยาว ส่วนในปี2563 นี้ ปตท.สผตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการขายขึ้นอีก 11%” นายพงศธร กล่าว  

จากผลประกอบการข้างต้น คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2563 อนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผล สำหรับปี2562 ที่ 6 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ปตท.สผได้จ่ายสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้วในอัตรา 2.25 บาทต่อหุ้น ส่วนที่เหลืออีก3.75 บาทต่อหุ้น จะกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 และจะจ่ายในวันที่ 10 เมษายน 2563 ภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2563 แล้ว  

สำหรับแผนงานในปี 2563 ปตท.สผจะมุ่งดำเนินงานตามแผนการเปลี่ยนผ่านสิทธิการดำเนินงานโครงการใหม่ที่ได้ในปีที่ผ่านมาให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณและโครงการ G2/61 (แหล่งบงกชที่กำลังเตรียมแผนงานเพื่อให้ได้ปริมาณการผลิตตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต โดยได้เริ่มวางแผนการเจาะหลุมสำรวจการสร้างแท่นผลิตและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ รวมถึงศึกษาการเตรียมความพร้อมในด้านอื่น  ซึ่งในส่วนของแหล่งเอราวัณนั้น ปตท.สผได้ประสานงานกับผู้รับสัมปทานรายเดิมและกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ตามแผนและผลิตก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ปตท.สผจะเร่งกิจกรรมการสำรวจในโครงการที่มีศักยภาพสูง เน้นโครงการในประเทศมาเลเซียและเมียนมา เช่น โครงการเมียนมาเอ็มดี-7 และหลุมสำรวจลัง เลอบาห์-1อาร์ดีอาร์ 2 ในแปลงซาราวัก เอสเค 410บี ประเทศมาเลเซีย ซึ่งในปีที่ผ่านมาปตท.สผประสบความสำเร็จในการเจาะหลุมสำรวจที่ถือเป็นการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของบริษัท รวมถึง แปลงสำรวจอื่น  ในบริเวณเดียวกันในประเทศมาเลเซีย เพื่อพิจารณาการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ปตท.สผยังคงมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงการปัจจุบัน และผลักดันการพัฒนาโครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน และโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ให้สามารถผลิตได้ตามแผนที่วางไว้ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว